ในเชิงสัญลักษณ์นั้น สีแดงจะเปรียบได้กับความร้อนแรง ความมีชีวิตชีวา ความรัก ความปรารถนา ดังเช่นดอกกุหลาบแดงวันวาเลนไทน์
ในทางจราจรสีแดง เป็นสีที่ต้องระวังตัวแทนเครื่องหมายห้าม! และแสดงถึงสิ่งที่อันตราย ขณะที่สมัยโรมัน สีแดงเปรียบเสมือนสีของเลือกซึ่งเป็นตัวแทนของราชวงค์ อันแสดงความมั่นคง อุดมสมบูรณ์ และอำนาจ
แอดดรูว์ เจ.เอลเลือต (Andrew J. Elliot) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งสมติฐานว่า “สีแดง” เป็นสีต้องห้ามเวลาเด็กๆเข้าห้องสอบ! เอลเลียต ทดลองพิมพ์สีแดง สีเขียว และสีเทาลงบนหัวกระดาษคำตอบ โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับมัธยมปลาย และนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
พบว่า เด็กที่ใช้กระดาษคำตอบที่พิมพ์สีแดง สามารถทำคะแนนออกมาได้น้อยที่สุด นั่นทำให้เข้าเชื่อว่า สีที่พิมพ์อยู่บนกระดาษคำถามและคำตอบ ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนักเรียนระหว่างที่ทำข้อสอบ “สีแดง” จึงถือเป็นสีต้องห้ามสำหรับเด็กๆ เนื่องจากมีส่วนกระตุ้นให้พวกเขาเกิดความสับสน และเสียสมาธิ
ขณะที่ประเทศอังกฤษ มีการทำลองทฤษฎีของสี โดยทาสีห้องอาหารเป็นสีฟ้าห้องหนึ่ง และสีแดงอีกห้องหนึ่งก่อนจะมีการบันทึกพฤติกรรมนักศึกษาที่มารับประทานอาหารทั้งสองห้องพบว่า นักศึกษาที่มารับประทานห้องสีฟ้าจะพูดคุยกันเบาๆ
เมื่อเข้าไปสัมภาษณ์เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอาหาร นักศึกษากลุ่มนี้ก็แสดงความพึงพอใจในรสชาติตรงกันข้ามกับกลุ่มนักศึกษาที่รับประทานอาหารในห้องสีแดง จะพูดคุยเสียงดังเอะอะ และเมื่อเข้าไปสัมภาษณ์ ก็จะตำหนิวิพากษ์วิจารณ์รสชาติอาหารว่าไม่เอาไหนเลย
แต่สีแดงก็ยังถือเป็นสีที่ช่วยกระตุ้นให้คนเราเจริญอาหารอยู่ดี จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นร้านอาหารต่างๆเลือกใช้ภาชนะสีแดง รวมถึงทาสีห้องอาหารเป็นสีแดง แต่ควรระวังในเรื่องของความเข้มของสี เพราะหากแดงเกินไป อาจจกระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกถึงอันตรายและปัญหามากกว่าจะอยากรับประทานอาหารได้
“ The magic of color ” Ricoh (Thailand)
